บทบาทของผู้ออกแบบการเรียนการสอน (designer's
role) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่
กับสิ่งที่นําเสนอว่าต้องอาศัยเทคนิค หรือไม่ต้องอาศัยเทคนิค
และขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของทีมการ ออกแบบ เนื้อหาที่ต้องใช้เทคนิคสูง
ผู้ออกแบบจําเป็นต้องให้คําแนะนําในการออกแบบกับ ผู้ชํานาญการด้านเนื้อหา (content
expert) ถ้าเนื้อหานั้นไม่ต้องใช้เทคนิคที่สูงมากจนเกินไป
ผู้ออกแบบก็สามารถจัดทําได้อย่างอิสระมากขึ้นด้วยความช่วยเหลือของผู้ชํานาญการด้านเนื้อหา
ผู้ออกแบบสามารถที่จะทํางานเป็นผู้ให้คําปรึกษาจากภายนอก
และรับผิดชอบภาระงานทั้งหมด เหมือนกับเป็นคนในสํานักงาน (in-house
employers) ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชํานาญการด้าน
เนื้อหา บทบาทของผู้ออกแบบสามารถมีได้หลากหลาย
ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ชํานาญการ ด้านเนื้อหา
บทบาทของผู้ออกแบบสามารถมีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มีต่อ
ผู้ชํานาญการด้านเนื้อหาวิชา ดังตัวอย่างทั้งสาม (Seels and Glasgow, 1990
: 7-9) คือ
1. ผู้ชํานาญการด้านเนื้อหาและมีสมรรถภาพในการออกแบบการเรียนการสอนและ
เทคโนโลยี และเป็นผู้ที่รู้บทบาทของการออกแบบด้วย
ไม่จําเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือด้าน ความรู้ ความชํานาญทางเนื้อหาวิชา
2. ผู้ออกแบบการเรียนการสอน
ที่ได้รับการร้องขอให้ทํางานในด้านเนื้อหาที่อาจจะมี ความคุ้นเคย
แต่ผู้ออกแบบยังคงรู้สึกมีความจําเป็นที่จะทํางานกับผู้ชํานาญการด้านเนื้อหา
3. ผู้ออกแบบอาจจะได้รับการร้องขอให้พัฒนาหรือวิจัยในด้านเนื้อหาที่ไม่มีความคุ้นเคย
และดังนั้นจึงจําเป็นต้องเลือกและทํางานกับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาจํานวนมาก
ตารางที่ 1 เปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมกับการเรียนการสอนเชิงระบบ
องค์ประกอบของการเรียนการสอน
|
การเรียนการสอนแบบดั้งเดิม
|
การเรียนการสอนแบบเชิงระบบ
|
1.กำหนดเป้าประสงค์
(Setting
goals)
|
*ตำราหลักสูตรดั้งเดิมการอ้างอิงภายใน
|
*การประเมินความต้องการจำเป็น
*การวิเคราะห์งาน
*การอ้างอิงภายนอก
|
2.จุดประสงค์
(Objectives)
|
*กล่าวในรูปของผลที่ได้รับรวมๆหรือการปฏิบัติของครู
*เหมือนกันสำหรับนักเรียนทุกคน
|
*จากการประเมินความต้องการจำเป็นการวิเคราะห์/การประเมินงาน
*เลือกด้วยการพิจารณาจากความสามารถของผู้เรียนเมื่อแรกเข้าเรียน
|
3.จุดประสงค์ในความรู้เฉพาะของผู้เรียน
(Student’s knowledges of objectives)
|
*ไม่ได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้า
ต้องใช้สัญญาณจากการฟังคำบรรยายและการอ่านตำรา
|
*บอกกล่าวอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษล่วงหน้าก่อนเรียน
|
4.ความสามารถก่อนเข้าเรียน
(Entering
capability)
|
*ไม่ต้องใส่ใจ
นักเรียนทุกคนมีจุดประสงค์และวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมเหมือนกันหมด
|
*การพิจารณา
*การกำหนดวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมแตกต่างกัน
|
5.ผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวัง
(Expected
achievement)
|
*ใช้โค้งมาตรฐาน
|
*มีความเป็นแบบอย่างเดียวกันสูง
|
6.ความรอบรู้ (Mastery)
|
*นักเรียนส่วนน้อยรอบรู้จุดประสงค์ทั้งหมด
*รูปแบบผิดพลาด
|
*นักเรียนส่วนใหญ่รอบรู้จุดประสงค์ทั้งหมด
|
7.ค่าระดับและการเลื่อนระดับ (Grading and promotion)
|
*อยู่บนพื้นฐานการเปรียบเทียบกับนักเรียนคนอื่นๆ
|
*อยู่บนพื้นฐานการรอบรู้จุดประสงค์
|
8.การสอนเสริม (Remediation)
|
*บ่อยครั้งที่ไม่มีการวางแผน
*ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์หรือวิธีการเรียนการสอน
|
*วางแผนสำหรับนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือแสวงหาจุดประสงค์อื่นๆ
เลือกวิธีการเรียนการสอน
|
9.การใช้แบบทดสอบ
|
*กำหนดค่าระดับ
|
*เฝ้าระวังติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียน
*ตัดสินความรอบรู้
*วินิจฉัยความยากลำบาก
*ปรับปรุงการเรียนการสอน
|
10.เวลาศึกษากับความรอบรู้
(Study
time VS mastery)
|
*เวลาคงที่ : ระดับของความรอบรู้หลากหลาย
แตกต่างกัน
|
*ความรอบรู้คงที่ : เวลาหลากหลายแตกต่างกัน
|
11.การตีความของความล้มเหลวที่จะไปให้ถึงความรู้
(Interpretation
of failure to reach)
|
*นักเรียนผู้น่าสงสาร
|
*มีความต้องการจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงการเรียนการสอน
|
12.การพัฒนารายวิชา
(Couse of
development)
|
*เลือกวัสดุอุปกรณ์ก่อน
|
*ระบุจุดประสงค์ก่อนแล้วจึงจะเลือกวัสดุอุปกรณ์
|
13.ลำดับขั้นตอน
(Sequence)
|
*อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและสังเขปหัวเรื่อง
|
*อยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตามความจำเป็น
และหลักการของการเรียนรู้
|
14.การปรับปรุงการเรียนการสอนและวัสดุอุปกรณ์
(Revision
of instructional and materials)
|
*อยู่บนพื้นฐานของการคาดเดางาน
หรือความเพียงพอของ
*วัสดุอุปกรณ์ใหม่
*เกิดขึ้นเป็นพักๆ
|
*อยู่บนพื้นฐานของการประเมินข้อมูล
*เกิดขึ้นเป็นประจำ
|
15.กลยุทธ์การเรียนการสอน
(Instructional
Strategies)
|
*พอใจให้ผ่านได้อย่างกว้างๆ
*อยู่บนพื้นฐานของความชอบและความคล้ายคลึง
|
*เลือกที่จะให้ได้รับตามจุดประสงค์
*ใช้ยุทธวิธีที่หลากหลาย
*อยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีและการวิจัย
|
16.การประเมินผล
(Evaluation)
|
*บ่อยครั้งที่ไม่เกิดขึ้น : การวางแผนเชิงระบบมีน้อย
*ประเมินแบบอิงกลุ่ม
ข้อมูลได้จากปัจจัยนำเข้า และกระบวนการ
|
*การวางแผนเป็นระบบ : เกิดขึ้นประจำ
*ประเมินความรอบรู้ตามจุดประสงค์
*ประเมินผลอิงเกณฑ์ข้อมูลได้จากผลที่ได้รับ
(ผลผลิต)
|
ที่มา :
W.H.Hannum
and leslir j. Briggs, “How does Insructional Systems Design Differ from
Traditional Instruction ,” Educational Technology 22: 12 – 13 } 1982
ตารางที่ 2 งานและผลผลิตของกระบวนการออกแบบการเรียนการสอน
ขั้นตอนและภาระงาน
|
ตัวอย่างภาระงาน
|
ตัวอย่างผลผลิต
|
การวิเคราะห์
- กระบวนการของการนิยามว่าต้องการเรียนอะไร
|
*
ประเมินความต้องการจำเป็น
* ระบุปัญหา
*
วิเคราะห์ภาระงาน
|
*
แฟ้มผู้เรียน
* การพรรณนาข้อจำกัด
* คำกล่าวของความต้องการจำเป็นและปัญหา
* การวิเคราะห์ภาระงาน
|
การออกแบบ
– กระบวนการของการชี้เฉพาะว่าจะเรียนอย่างไร
|
* เขียนจุดประสงค์
* พัฒนารายการของแบบทดสอบ
*
วางแผนการเรียนการสอน
*
ระบุแหล่งทรัพยากร
|
*
จุดประสงค์ที่วัดได้ กลยุทธ์การเรียนการสอน
* ลักษณะเฉพาะของตัวแบบ
(prototype specification)
|
การพัฒนา
– กระบวนการของหน้าที่และผลิตวัสดุอุปกรณ์
|
* ทำงานกับผู้ผลิต
* พัฒนาคู่มือ
แผนภูมิ โปรแกรม
|
* สตอรี่บอร์ด
(story board)
* สคริป
* แบบฝึกหัด
* คอมพิวเตอร์ช่วยการเรียนการสอน
|
การนำไปใช้
– กระบวนการของการก่อตั้งโครงการในบริษัทแห่งโลกความจริง
|
* การฝึกอบรมครู
* การทดลอง
|
* การให้ความเห็นข้องนักเรียน
* ข้อมูล
|
การประเมินผล
– กระบวนการของการตกลงใจเกี่ยวกับความเห็นผลของการเรียนการสอน
|
* บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเวลา
*ผลของการแปลความแบบทดสอบ
* สำรวจผู้สำเร็จการศึกษา
* ทบทวนกิจกรรม
|
* คำรับรอง
(recommendation)
* รายงานโครงงาน
* ทบทวนตัวแบบ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น