วันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

บทบาทของผู้ออกแบบการเรียนการสอน





5. บทบาทของผู้ออกแบบการเรียนการสอน

บทบาทของผู้ออกแบบการเรียนการสอน (designer's role) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่ กับสิ่งที่นําเสนอว่าต้องอาศัยเทคนิค หรือไม่ต้องอาศัยเทคนิค และขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของทีมการ ออกแบบ เนื้อหาที่ต้องใช้เทคนิคสูง ผู้ออกแบบจําเป็นต้องให้คําแนะนําในการออกแบบกับ ผู้ชํานาญการด้านเนื้อหา (content expert) ถ้าเนื้อหานั้นไม่ต้องใช้เทคนิคที่สูงมากจนเกินไป ผู้ออกแบบก็สามารถจัดทําได้อย่างอิสระมากขึ้นด้วยความช่วยเหลือของผู้ชํานาญการด้านเนื้อหา ผู้ออกแบบสามารถที่จะทํางานเป็นผู้ให้คําปรึกษาจากภายนอก และรับผิดชอบภาระงานทั้งหมด เหมือนกับเป็นคนในสํานักงาน (in-house employers) ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชํานาญการด้าน เนื้อหา บทบาทของผู้ออกแบบสามารถมีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ชํานาญการ ด้านเนื้อหา บทบาทของผู้ออกแบบสามารถมีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มีต่อ ผู้ชํานาญการด้านเนื้อหาวิชา ดังตัวอย่างทั้งสาม (Seels and Glasgow, 1990 : 7-9) คือ
1. ผู้ชํานาญการด้านเนื้อหาและมีสมรรถภาพในการออกแบบการเรียนการสอนและ เทคโนโลยี และเป็นผู้ที่รู้บทบาทของการออกแบบด้วย ไม่จําเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือด้าน ความรู้ ความชํานาญทางเนื้อหาวิชา
2. ผู้ออกแบบการเรียนการสอน ที่ได้รับการร้องขอให้ทํางานในด้านเนื้อหาที่อาจจะมี ความคุ้นเคย แต่ผู้ออกแบบยังคงรู้สึกมีความจําเป็นที่จะทํางานกับผู้ชํานาญการด้านเนื้อหา
3. ผู้ออกแบบอาจจะได้รับการร้องขอให้พัฒนาหรือวิจัยในด้านเนื้อหาที่ไม่มีความคุ้นเคย และดังนั้นจึงจําเป็นต้องเลือกและทํางานกับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาจํานวนมาก


ตารางที่ 1 เปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมกับการเรียนการสอนเชิงระบบ
องค์ประกอบของการเรียนการสอน
การเรียนการสอนแบบดั้งเดิม
การเรียนการสอนแบบเชิงระบบ
1.กำหนดเป้าประสงค์
(Setting goals)
*ตำราหลักสูตรดั้งเดิมการอ้างอิงภายใน
*การประเมินความต้องการจำเป็น
*การวิเคราะห์งาน
*การอ้างอิงภายนอก
2.จุดประสงค์
(Objectives)
*กล่าวในรูปของผลที่ได้รับรวมๆหรือการปฏิบัติของครู
*เหมือนกันสำหรับนักเรียนทุกคน
*จากการประเมินความต้องการจำเป็นการวิเคราะห์/การประเมินงาน
*เลือกด้วยการพิจารณาจากความสามารถของผู้เรียนเมื่อแรกเข้าเรียน

3.จุดประสงค์ในความรู้เฉพาะของผู้เรียน (Student’s knowledges of objectives)
*ไม่ได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้า ต้องใช้สัญญาณจากการฟังคำบรรยายและการอ่านตำรา
*บอกกล่าวอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษล่วงหน้าก่อนเรียน
4.ความสามารถก่อนเข้าเรียน
(Entering capability)
*ไม่ต้องใส่ใจ นักเรียนทุกคนมีจุดประสงค์และวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมเหมือนกันหมด
*การพิจารณา
*การกำหนดวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมแตกต่างกัน
5.ผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวัง
(Expected achievement)
*ใช้โค้งมาตรฐาน
*มีความเป็นแบบอย่างเดียวกันสูง
6.ความรอบรู้ (Mastery)
*นักเรียนส่วนน้อยรอบรู้จุดประสงค์ทั้งหมด
*รูปแบบผิดพลาด
*นักเรียนส่วนใหญ่รอบรู้จุดประสงค์ทั้งหมด
7.ค่าระดับและการเลื่อนระดับ (Grading and promotion)
*อยู่บนพื้นฐานการเปรียบเทียบกับนักเรียนคนอื่นๆ
*อยู่บนพื้นฐานการรอบรู้จุดประสงค์
8.การสอนเสริม (Remediation)
*บ่อยครั้งที่ไม่มีการวางแผน
*ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์หรือวิธีการเรียนการสอน
*วางแผนสำหรับนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือแสวงหาจุดประสงค์อื่นๆ เลือกวิธีการเรียนการสอน
9.การใช้แบบทดสอบ
*กำหนดค่าระดับ
*เฝ้าระวังติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียน
*ตัดสินความรอบรู้
*วินิจฉัยความยากลำบาก
*ปรับปรุงการเรียนการสอน
10.เวลาศึกษากับความรอบรู้
(Study time VS mastery)
*เวลาคงที่ : ระดับของความรอบรู้หลากหลาย แตกต่างกัน
*ความรอบรู้คงที่ : เวลาหลากหลายแตกต่างกัน
11.การตีความของความล้มเหลวที่จะไปให้ถึงความรู้
(Interpretation of failure to reach)
*นักเรียนผู้น่าสงสาร
*มีความต้องการจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงการเรียนการสอน
12.การพัฒนารายวิชา
(Couse of development)
*เลือกวัสดุอุปกรณ์ก่อน
*ระบุจุดประสงค์ก่อนแล้วจึงจะเลือกวัสดุอุปกรณ์
13.ลำดับขั้นตอน
(Sequence)
*อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและสังเขปหัวเรื่อง
*อยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตามความจำเป็น และหลักการของการเรียนรู้
14.การปรับปรุงการเรียนการสอนและวัสดุอุปกรณ์
(Revision of instructional and materials)
*อยู่บนพื้นฐานของการคาดเดางาน หรือความเพียงพอของ
*วัสดุอุปกรณ์ใหม่
*เกิดขึ้นเป็นพักๆ
*อยู่บนพื้นฐานของการประเมินข้อมูล
*เกิดขึ้นเป็นประจำ
15.กลยุทธ์การเรียนการสอน
(Instructional Strategies)
*พอใจให้ผ่านได้อย่างกว้างๆ
*อยู่บนพื้นฐานของความชอบและความคล้ายคลึง
*เลือกที่จะให้ได้รับตามจุดประสงค์
*ใช้ยุทธวิธีที่หลากหลาย
*อยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีและการวิจัย


16.การประเมินผล
(Evaluation)

*บ่อยครั้งที่ไม่เกิดขึ้น : การวางแผนเชิงระบบมีน้อย
*ประเมินแบบอิงกลุ่ม ข้อมูลได้จากปัจจัยนำเข้า และกระบวนการ
*การวางแผนเป็นระบบ : เกิดขึ้นประจำ
*ประเมินความรอบรู้ตามจุดประสงค์
*ประเมินผลอิงเกณฑ์ข้อมูลได้จากผลที่ได้รับ (ผลผลิต)
             
ที่มา :
                        W.H.Hannum and leslir j. Briggs, “How does Insructional Systems Design Differ from Traditional Instruction ,” Educational Technology 22: 12 – 13 } 1982





ตารางที่ 2 งานและผลผลิตของกระบวนการออกแบบการเรียนการสอน
ขั้นตอนและภาระงาน
ตัวอย่างภาระงาน
ตัวอย่างผลผลิต
การวิเคราะห์ - กระบวนการของการนิยามว่าต้องการเรียนอะไร
* ประเมินความต้องการจำเป็น
* ระบุปัญหา
* วิเคราะห์ภาระงาน
* แฟ้มผู้เรียน
* การพรรณนาข้อจำกัด
* คำกล่าวของความต้องการจำเป็นและปัญหา
* การวิเคราะห์ภาระงาน
การออกแบบ กระบวนการของการชี้เฉพาะว่าจะเรียนอย่างไร
* เขียนจุดประสงค์
* พัฒนารายการของแบบทดสอบ
* วางแผนการเรียนการสอน
* ระบุแหล่งทรัพยากร
* จุดประสงค์ที่วัดได้ กลยุทธ์การเรียนการสอน
* ลักษณะเฉพาะของตัวแบบ (prototype specification)
การพัฒนา กระบวนการของหน้าที่และผลิตวัสดุอุปกรณ์
* ทำงานกับผู้ผลิต
* พัฒนาคู่มือ แผนภูมิ โปรแกรม
* สตอรี่บอร์ด (story board)
* สคริป
* แบบฝึกหัด
* คอมพิวเตอร์ช่วยการเรียนการสอน
การนำไปใช้ – กระบวนการของการก่อตั้งโครงการในบริษัทแห่งโลกความจริง
* การฝึกอบรมครู
* การทดลอง
* การให้ความเห็นข้องนักเรียน
* ข้อมูล
การประเมินผล – กระบวนการของการตกลงใจเกี่ยวกับความเห็นผลของการเรียนการสอน
* บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเวลา
*ผลของการแปลความแบบทดสอบ
* สำรวจผู้สำเร็จการศึกษา
* ทบทวนกิจกรรม
* คำรับรอง (recommendation)
* รายงานโครงงาน
* ทบทวนตัวแบบ


ที่มา :
                        Barbara Seels, and Zita Glasgow, Exercises in instructional Desingn (Columbus, Ohio : Merrill Publoshing Company, 1990), p. 8.




อ้างอิง
พิจิตรา ธงพานิช. วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 3 นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์, 2560.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น